Return to Previous Page
คำถามที่พบบ่อย
สอบถามเกี่ยวกับข้อมูลร้าน คลิ๊กที่นี่
1. อุปกรณ์แต่ละชนิด มีคู่มืออธิบายการใช้งานหรือไม่ |
มีคู่มืออธิบายสำหรับสินค้าบางรายการเท่านั้น ลูกค้าสามารถโทรศัพท์หรืออีเมล์สอบถามวิธีการใช้อุปกรณ์ได้ |
2. หากเครื่องมือบางประเภท เช่น ส้อมตอก หรือตัวเจาะรู หลักจากใช้งานไปได้ระยะหนึ่งแล้วจะไม่คม ต้องทำอย่างไร |
สามารถนำเครื่องมือไปลับความคมได้ โดยใช้ด้ามไม้ลับคม |
3. ด้ามไม้ลับคม จำเป็นต้องใช้ก้อนขัดโลหะ (สีเขียว) ร่วมกับน้ำมันจับเนื้อโลหะหรือไม่ |
วิธีการ ใช้ด้ามไม้ลับคม ต้องบีบน้ำมันจับเนื้อโลหะ ลงบนพื้นที่สำหรับลับคมก่อน แล้วจึงนำก้อนขัดโลหะถูลงบนพื้นที่สำหรับลับคม หลังจากนั้นจึงนำเครื่องมือที่ต้องการลับคม เช่น ส้อมตอกรู ไปลับกับด้ามไม้ลับคม โดยที่น้ำมันจับเนื้อโลหะจะช่วยจับเนื้อก้อนขัดโลหะ ให้ยึดติดกับหน้าพื้นผิวลับคม ทำให้ประหยัดก้อนขัดโลหะมากขึ้น |
4. ส้อมเจาะรูสำหรับสร้างฝีเย็บ มีขารูปทรงแบบไหนบ้าง และมีระยะความถี่เท่าไหรบ้าง |
ส้อมมีรูปทรง 4 แบบ ได้แก่ 1) แบบรูปทรงไดมอนด์ มีระยะความถี่ของฝีเย็บ ตั้งแต่ระยะ 3 มม. 4 มม. 5 มม. และ 6 มม. 2) แบบรูปขาแบนแนวนอน มีระยะความถี่ของฝีเย็บ คือ 2 มม และ 3 มม. 3) แบบรูปขาแบนแนวเฉียง มีระยความถี่ของฝีเย็บ คือ 3 มม. 4 มม. 4.5 มม. และ 5 มม. 4) แบบรูปทรงรูกลม มีระยะความถี่ของรู คือ 4 มม. และ 5 มม |
5. ส้อมเจาะรูสำหรับงานเย็บมือ ควรใช้แบบใดและขนาดเท่าไร |
หากต้องการเย็บโดยใช้ด้ายเย็บ ควรใช้ส้อมตอกรูแบบไดมอนด์ สำหรับขนาดที่ต้องการใช้งาน ขึ้นอยู่กับขนาดของชิ้นงานและความชอบส่วนบุคคล โดยขนาดที่ใช้ทั่วไปคือ 5 มม. |
6. ทำไมส้อมเจาะรูของต่างประเทศจึงมีราคาสูง |
ส้อมจากต่างประเทศมีระยะของฝีเย็บที่แม่นยำและมีความคมที่ได้มาตรฐาน ทำจากเหล็กมีเนื้อแข็งทำให้อายุการใช้งานยาวนานกว่า |
7. ส้อมเจาะรูสำหรับสร้างฝีเย็บแบบไหนเป็นที่นิยมมากที่สุด |
รูปทรงแบบไดมอนด์ ระยะ 5 มม. จะเป็นที่นิยมมากที่สุด เนื่องจากเป็นรูปทรงที่มีรอยเย็บที่สวยงาม ประกอบกับระยะ 5 มม.เป็นระยะกลางที่สามารถใช้ได้ทั้งงานชิ้นเล็ก เช่น กระเป๋าเงิน ไปจนถึงงานชิ้นใหญ่ เช่น กระเป๋าสะพาย หรือ สายเข็มขัด |
8. ส้อมเจาะรูแต่ละแบบควรใช้กับด้ายแบบไหน |
1) แบบรูปทรงไดมอนด์ เหมาะสำหรับด้ายทั้งแบบ ด้ายเส้นกลม และด้ายเส้นแบน 2) แบบรูปขาแบนแนวนอน เหมาะสำหรับด้ายแบบเส้นกลม และหนังเส้นแบนสำหรับถัก 3) แบบรูปขาแบนแนวเฉียง เหมาะสำหรับด้ายแบบเส้นกลม 4) แบบรูปทรงรูกลม เหมาะสำหรับด้ายแบบเส้นกลม หนังเส้นกลมสำหรับถัก |
9. ด้ายที่ร้านขายมีกี่ประเภท อะไรบ้าง แตกต่างกันอย่างไร |
ด้ายเย็บหนังมีหลายแบบ โดยทั่วไปแล้วจะมี 2 ลักษณะ คือ ด้ายเส้นแบน และ ด้ายเส้นกลม โดยด้ายเส้นกลม ก็จะมีหลายขนาด หลายยี่ห้อ ขึ้นอยู่กับความชอบของผู้ใช้งาน |
10. ด้ายเย็บมือ จำเป็นต้องใช้ wax ทุกครั้งหรือไม่ |
ไม่จำ เป็น ขึ้นอยู่กับความชอบของผู้ใช้งาน เนื่องจากการใช้ wax รูดกับด้ายเย็บก่อนที่จะใช้งาน จะช่วยทำให้เส้นด้ายจับตัวเรียงเส้นกัน และมีความลื่น ทำให้ง่ายต่อการเย็บ แต่การใช้ wax มากเกินไป จะทำให้ wax เกาะอยู่บนเส้นด้ายทำให้เนื้อ wax ล้นออกมาเกาะติดบนหนัง ซึ่งอาจทำให้ชิ้นงานดูไม่สะอาด |
11. CMC แบบผง และ CMC แบบสำเร็จรูปพร้อมใช้ แตกต่างหรือเหมือนกันหรือไม่ อย่างไร |
วิธีการใช้และผลลัพธ์ที่ได้ไม่แตกต่างกัน เพียงแต่ CMC แบบผงต้องไปผสมน้ำก่อนถึงนำไปใช้ได้ ซึ่งอาจทำให้เสียเวลา แต่จะได้ปริมาณ CMC ที่เยอะและคุ้มค่ามากกว่า |
12. CMC, Tokonole และ Gum Tragacanth แตกต่างกันหรือไม่ |
CMC คือ Sodium Carboxymethyl Cellose จะมีลักษณะเป็นผงแป้ง เวลาใช้งานต้องนำไปผสมน้ำในอัตราส่วน 3 g. ต่อน้ำอุ่น 200 ml แล้วทิ้งไว้ให้เซ็ตตัว 1 คืน จึงนำมาใช้งานได้ สำหรับ Tokonole และ Gum Tragacanth สามารถนำมาใช้งานได้เลย โดยใช้ร่วมกับ ไม้ขัดขอบ Bone folder และกระจกปาดท้องหนัง |
13. CMC, Tokonole, Gum Tragacanth แตกต่างจากสีทาขอบอย่างไร |
CMC, Tokonole, Gum Tragacanth ใช้ขัดขอบหนัง ให้มีความเนียนเรียบ เงา สวยงาม โดยส่วนใหญ่จะไม่มีสี แต่มี Gum Tragacanth ของบางยี่ห้อจะมีสีน้ำตาล และสีดำให้เลือกใช้ ซึ่งการขัดขอบนิยมขัดเฉพาะการทำชิ้นงาน โดยใช้หนังฟอกฝาด สำหรับสีทาขอบ เป็นการลงสีที่ขอบหนังให้มีความสวยงาม ซึ่งจะมีสีให้เลือกหลากหลายตามสี ของหนังที่ใช้ โดยส่วนใหญ่จะนิยมลงสีทาขอบกับหนังฟอกสีทุกประเภท |
14. สีย้อมหนัง สูตรน้ำ (water base) และสูตรแอลกฮอล์ (oil base) แตกต่างกันอย่างไร |
สีย้อมหนัง สูตรน้ำ ข้อดีคือ ไม่มีกลิ่นและสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ล้างออกง่าย เนื้อสีจะบางเบา นำมาผสมสีกันได้ และสามารถใช้น้ำยาเคลือบปิดสีแบบเงา หรือ ปิดสีแบบด้านก็ได้ ข้อเสียคือ ต้องลงสีอย่างน้อย 2 รอบ และควรทาน้ำยาปิดสี หลังจากย้อมเสร็จแล้ว เพื่อป้องกันสีหลุดหลังจากนำไปใช้งาน สีย้อมหนังสูตรแอลกอฮล์ (oil base) ข้อดีคือ สีเป็นเงามันวาว ตั้งแต่รอบแรกที่ลงสี เนื้อสีติดง่าย สีไม่หลุดหลังจากย้อมแล้ว ข้อเสียคือ มีกลิ่นฉุนเล็กน้อย และใช้นำ้ยาเคลือบปิดสีแบบเงา ได้อย่างเดียวเท่านั้น |
15. ใช้อุปกรณ์ใดในการลงสี |
ใช้อุปกรณ์ Wool brush ในการลงทั้งสีทาขอบ และ สีย้อมหนัง ทั้งนี้ หากเป็นชิ้นงานใหญ่ สามารถใช้ Sponge ในการลงสีได้ |
16. Prime Nestsfoot Oil Compound และ 100% Pure Neatsfoot Oil แตกต่างกันอย่างไร |
ทั้ง 2 แบบมีคุณสมบัติทำให้หนังมีความชุ่มชื่น และนิ่มขึ้น แต่ Nestsfoot Oil Compound จะมีส่วนผสมของ ปิโตรเลียม และสารเคมีตัวอื่น ทำให้มีผลเสียต่อหนังในระยะยาวหากใช้มากเกินไป ส่วนใหญ่จึงนิยมนำมาใช้ในการย้อมสีหนังฟอกฝาด ให้มีสีเข้มขึ้นตามธรรมชาติแทนการลงสีย้อมหนัง สำหรับ 100% Pure Nestsfoot Oil นอกจากทำให้หนังมีความชุ่มชื่น นิ่มขึ้น และสีเข้มขึ้นแล้ว ยังเป็นน้ำยาบำรุงเครื่องหนังให้ใช้ได้นานอีกด้วย |
17. สามารถใช้อุปกรณ์ใดในการบำรุงรักษาหนังได้บ้าง |
Mink Oil ทั้งแบบเนื้อครีม หรือ แบบสูตรน้ำ เช็คทำความสะอาดและบำรุงหนังให้มีความมันเงา และสามารถกันน้ำได้ในระดับหนึ่ง หากนำ Mink Oil ไปลงบนหนังฟอกฟาด อาจทำให้สีเข้มขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่เท่ากับการลงบำรุงด้วย Nestsfoot Oil อย่างไรก็ตาม Mink Oil และ Nestfoot Oil ไม่มีผลทำให้หนังที่ผ่านการฟอกสีจากโรงงานมาแล้วเปลี่ยนสี |
18. น้ำยาตัวไหนกันน้ำได้บ้าง |
Resolene กันน้ำได้ดีที่สุด รองลงมาคือ Tan-Kote โดยนอกจากกันน้ำแล้ว ยังเป็นตัวเคลือบปิดสีหลังจากการย้อมสีแล้วให้มีความมันเงางามด้วย |
19. การเลือกใช้ค้อน ควรเลือกใช้แบบไหนกับงานประเภทใด |
ค้อนทีใช้สำหรับงานหนัง มีหลายประเภท มีวิธีการใช้ที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้ ค้อนหัวเหล็ก: ควรใช้กับเครื่องมือที่เป็นเหล็กทุกชนิดเช่น ส้อมตอกรู หรือ ตัวตอกแบบต่าง ๆ (แต่หากต้องการรักษาเครื่องมือให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้น ควรหาเศษหนังมาหุ้มปิดหน้าค้อนขณะใช้งาน) ค้อนหัวไม้: ส่วนใหญ่ใช้ได้กับเครื่องมือทุกประเภท ค้อนหัวไม้จะมีขนาดใหญ่กว่าค้อนทุกประเภท ทำให้ง่ายต่อการใช้งาน แต่หากใช้ไปนานๆ หน้าไม้จะยุบลงตามปริมาณการใช้งาน ค้อนหัวยาง: สามารถใช้ได้กับเครื่องมือทุกประเภท เนื่องจากหัวค้อนมีขนาดใหญ่พอสมควรและมีพื้นผิวเป็นยาง จึงไม่ทำให้เนื้อเหล็กเกิดการสึกหรอ และเสียงไม่ดังเวลาใช้งาน ค้อนหัวยางสำหรับงานตอกลาย: ค้อนประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับงานตอกลายหนัง โดยส่วนที่สัมผัสเหล็กตอก จะเป็นเนื้อยาง จึงไม่ทำให้เหล็กตอกลายสึกหรอมาก ค้อนชนิดนี้มีการออกแบบรูปทรงให้เหมาะสมกับงานตอกลายโดยเฉพาะ |
20. กรรไกรธรรมดาสามารถตัดหนังได้หรือไม่ |
สามารถ ตัดได้ แต่เมื่อนำกรรไกรตัดกระดาษไปใช้กับการตัดหนังแล้ว จะทำให้กรรไกรหมดความคมเร็ว เนื่องจากกรรไกรตัดกระดาษไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อตัดงานหนัง |
21. มีดตัดหนังแบบญี่ปุ่นเหมือนกันมีดคัตเตอร์ทั่วไปหรือไม่ |
มีดตัดหนังแบบญี่ปุ่น มีความคมสูงมาก เหมาะสำหรับการตัดหนังที่มีความหนามากๆ เช่น หนังธรรมชาติ (หนังฟอกฝาด) ในกรณีที่ใช้ในการตัดหนังแบบบาง เช่น หนังนิ่ม หนังชามัวร์ มีดตัดหนังแบบญี่ปุ่นจะมีความแตกต่างจากมีดคัตเตอร์ไม่มากนัก นอกจากนี้มีดตัดหนังแบบญี่ปุ่น ยังสามารถใช้เฉือนหนังให้บางลงได้ง่ายกว่าการใช้คัตเตอร์ |
22. กาวเหลืองของไทย แตกต่างกับกาวต่างประเทศอย่างไร |
กาว เหลือง จะมีส่วนผสมของของแอลกอฮอล์และมีกลิ่นแรง เมื่อสูดดมเข้าไปติดต่อกันเป็นเวลานานจะทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย เวลาใช้งานจึงจำเป็นต้องอยู่ในพื้นที่ๆ มีอากาศถ่ายเทได้สะดวกก สำหรับกาวจากต่างประเทศ จะไม่มีส่วนผสมของของแอลกอฮอล์ และไม่มีกลิ่นแรง จึงสามารถทใช้งานได้ในห้องปรับอากาศได้ และไม่มีอันตรายต่อร่างกาย |